เสน่ห์หนึ่งของการทำงานที่โกลบิช คือเราเชื่อว่า ‘คณะคุณที่เรียน’ หรือ ‘อายุของคุณ’ ไม่ใช่สิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถ จึงไม่แปลกเลยที่จะเห็นคนในทีมโกลบิช อายุเพียง 20 ต้นๆก็ทำงานตำแหน่งผู้จัดการ (ที่ไม่ใช่แค่ชื่อตำแหน่ง) หรือเป็นหัวหน้าทีม/แผนก
วันนี้เฟิร์นจะพาทุกคนไปรู้จักกับ “Pilot Team” หรือทีมน้องใหม่ที่เป็นทีมความหวังของบริษัท และทีมนั้นก็คือ “ทีม Globish Kids” ที่รวมเอาเด็กจบใหม่ 5 คน มาบุกเบิกตลาดใหม่ พร้อมกับหลักสูตรภาษาอังกฤษแบบใหม่ที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงการศึกษาของเด็กไทย เราลองไปฟังดูจากพวกเขาทั้ง 5 คน ถึงความรู้สึกและประสบการณ์ที่ได้จากการเป็น Pilot Team ในโลก Start Up กันค่ะ
เริ่มต้นจากหัวหน้าทีมก่อนเลย “แบงก์”
แบงก์ — สวัสดีครับ แบงก์นะครับ เป็น Managing Director ของ Globish Kids ทีมน้องใหม่ไฟแรง สาขาย่อยจากโกลบิชนั่นเอง แบงก์อายุเพิ่งจะ 23 ปีไม่นานนี้เอง จบการศึกษาจากวิทยาลัยสหวิทยาการ สาขาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่าที่เรียนมานั้นไม่ตรงสายอะไรเลยกับโลกธุรกิจและ Start Up ฮ่าๆๆ
เฟิร์น — เป็น MD มาตั้งแต่เมื่อไหร่? เล่าประสบการณ์ให้ฟังหน่อย
แบงก์ — เริ่มเป็นหัวหน้าทีมตั้งแต่ตอนเราอายุ 22.. ถ้าถามว่ายากมั้ย แบงก์จะบอกว่าท้าทายมากดีกว่า เพราะด้วยอายุของแบงก์ ทำให้แบงก์ต้องทำงานกับคนที่อายุมากกว่าหรือไม่ก็อายุเท่ากัน ซึ่งมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างหินกับการที่ต้องพัฒนาตนเองเพื่อให้คนในทีมยอมรับว่าแม้เราจะอายุน้อย แต่เราก็มีความสามารถมากพอที่จะขึ้นมา Lead ทุกคน
เฟิร์น — นอกจากเรื่องคน มีอะไรที่ท้าทายอีกบ้าง?
แบงก์ — นอกจากเรื่องคนแล้วเรื่องงานก็ยากไม่แพ้กัน เพราะเป็น “Pilot Team” เราต้องลองอะไรใหม่ ๆ กับตลาดใหม่ที่เราไม่มีข้อมูล เหมือนต้องทั้งลุย ต้องเก็บข้อมูล และต้องปรับตัวให้ทัน เพราะเราไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย บอกตรง ๆ เลยว่าผิดหวังมากกว่าสมหวัง”
เฟิร์น — โห แล้วแบบนี้ทำยังไงอะ
แบงก์ — แบงก์คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ยาก แต่ที่ยากที่สุดคือการเรียนรู้จากความล้มเหลว และการให้กำลังใจกันในทีม เพราะทุกครั้งที่เราล้มนั่นหมายความว่าเราทำทั้งทีมล้มไปกับเรา สิ่งที่แบงก์ให้ความสำคัญมากเลยคือการเรียนรู้ของทุกคนในทีม จึงทำให้ทุกครั้งที่เราล้ม เราต้องลุกขึ้นมาและพยุงกึ่งลากเพื่อนให้เค้าลุกขึ้นมาเพื่อให้เป็นคนที่เก่งขึ้นและแกร่งขึ้นไปกับเรา”
เฟิร์น —หลายคนถามว่าอายุเท่านี้กับความรู้ที่ไม่ได้เรียนจบสายธุรกิจมานั้นเป็นอุปสรรคไหม
แบงก์ — คิดว่าไม่ได้เกี่ยวเลยว่าเราอายุเท่าไร หรือจบอะไรมา กลไกการทำงานของโลก Start Up เป็นอะไรที่ท้าทายเราเสมอ มีอะไรให้เราลุ้นและตื่นเต้นตลอดเวลา อาจเป็นเพราะจบสายสังคมมาจึงทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างในโลก Start Up เป็นเรื่องใหม่และมันส์มากสำหรับเรา การเรียนจบสายสังคมก็มีข้อดีเยอะนะครับ เช่นเรื่องวิธีการคิด การพูด หรือการเข้าใจคน เพราะเราเรียนเรื่องเกี่ยวกับความคิดมนุษย์มาโดยตลอด เลยมองว่าเป็นข้อดีที่ลงตัวมากครับกับโลก Start Up และการขึ้นมานำคน ส่วนเรื่องอายุก็ไม่ได้อะไรนะครับ คือแบงก์มองว่าความเก่งหรือความพร้อมของคนไม่ควรถูกลิมิตไว้ที่อายุเสมอไปครับ
ฟังมุมของแบงก์ไปแล้วมาลองฟังจากมุมของทีมนักรบทั้ง 4 คนของแบงก์กันบ้างดีกว่า สำหรับมุมมองการเป็นทั้งนักศึกษาจบใหม่ แถมจบไม่ตรงสาย และยังต้องมาอยู่ในทีมใหม่แห่งโลก Start Up
มาต่อกันด้วย “สแกน” นักศึกษาจบใหม่จากคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการเงินและการธนาคาร จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญกับตำแหน่ง “Marketing Manager”
เฟิร์น — จบการเงินและการธนาคารมาทำการตลาด.. เริ่มต้นยังไงเนี่ย
สแกน — (หัวเราะ) การเริ่มต้นทำงานที่ Globish เป็นงานแรกก็เป็นความท้าทายมากนะ เรามีความรู้ด้านการตลาดมาน้อยมาก แต่ที่นี่ก็ โอกาสเข้ามาเรียนรู้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะพี่เจ๋ง (CMO) ของโกลบิช ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดโลกใบใหม่ให้เด็กการเงินการธนาคารแบบเรา ที่จะชินกับเรื่องตัวเลขและสถิติต่างๆ การได้เข้ามาตรงนี้มันทำให้เราต้องทิ้งการทำงานแบบเดิม ๆ ต้องนึกถึงอารมณ์ของคนที่เราจะสื่อสารด้วย การเข้าใจคน และวางแผนด้วยการใช้จินตนาการมากกว่า Fact หรือข้อเท็จจริง
เฟิร์น — ทำงานส่วนนี้มานานหรือยัง
สแกน — จริงๆก็ทำการตลาดมาตั้งแต่เริ่มเลยครับ หลังจากเข้ามาทำงานได้ประมาณ 3 เดือน ก็ได้รับโอกาสให้ขึ้นเป็น Manager และเป็นส่วนหนึ่งของ Core Team ที่บริษัท
เฟิร์น — เค้าคงเห็นว่าเรามีของเนอะ แล้วกดดันรึเปล่า
สแกน — (หัวเราะ) ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดีใจนะ มันทำให้เรามีโอกาสได้ร่วมวางแผนทิศทางของบริษัท ตอนแรกก็ตามไม่ค่อยทันพวก Core Team รุ่นพี่ซักเท่าไหร่ แต่ทุกคนก็น่ารักมาก คอยสนับสนุน คอยสอน และให้กำลังใจเราตลอด บอกเลยว่ากว่าจะได้ขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ เราก็เจอกับคำว่าล้มเหลว และผิดหวังมามากมาย แต่สิ่งเหล่านั้นก็ทำให้เราแข็งแกร่งมากขึ้น
เฟิร์น — คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ท้าทายที่สุดในการทำงาน
สแกน — น่าจะเป็นเพราะคนในทีมเป็นเด็กจบใหม่หมด แถมไม่เคยทำงานประจำกันมาก่อน ทำให้ต้องมีการปรับตัวกันมาก เราต้องแชร์เป้าหมายเดียวกัน แชร์ความสำเร็จ หรือแม้กระทั่งความล้มเหลว เราก็เป็นหนึ่งคนที่ Fail มากกับการทำงานของตัวเองเพราะผลงานไม่ได้อย่างที่หวัง และโฆษณาที่ทำออกมาก็พังไปมากกว่าครึ่ง แต่ก็กลับมาได้ก็เพราะคนในทีมที่เชื่อใจ และคอยช่วยเหลือเราทั้งเรื่องงาน อารมณ์และความเครียด จนถึงวันนี้เราก็ทำงานที่นี่มาได้ 8 เดือนบอกเลยว่า ไม่ได้โตแค่เรื่องงาน แต่ได้ทั้ง mindset , skillset และมิตรภาพที่ดีมากกเหมือนเพื่อนในมหาลัย จากครอบครัวที่แสนอบอุ่นอย่างโกลบิช
คนต่อมาคือ “พลอย” จากคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กับตำแหน่ง “Telesale”
เฟิร์น — สวัสดีค่ะพลอย แนะนำตัวเองพร้อมกับประสบการณ์ในโกลบิชหน่อย
พลอย — สวัสดีค่ะ พลอยค่ะ.. เข้าเรื่องเลยเนอะ (หัวเราะ) ก็เรียนจบสายภาษามา โลก Start Up เป็นเหมือนดาวอีกดวงที่อยู่คนละฟากกับโลกของพลอยเลย
เฟิร์น — ดาวคนละดวงเลยเหรอ เข้ามาทำงานแล้วเป็นยังไงบ้าง
พลอย — ก็รู้สึกคุ้มค่าที่ครั้งหนึ่งเราได้เข้ามาเรียนรู้และได้ประสบการณ์ว่าการทำธุรกิจมันทำยังไง ยิ่งมาอยู่ใน Globish มันเหมือนพลอยได้เรียนรู้ตั้งแต่ต้น ถือว่าคุ้มค่ามาก ตอนจบมาตั้งใจชัดเจนว่าจะทำ Social Project แต่สุดท้ายก็มาจบที่ตำแหน่ง telesale ซึ่งไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ทำในชีวิตนี้ การเป็นเซลให้อะไรกับพลอยเยอะมาก ทักษะหลายๆด้านทั้งด้านการคุย การฟัง การโน้มน้าว และการควบคุมตนเอง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พลอยคิดว่าไม่น่าได้จากห้องเรียนเพราะทั้งหมดเป็น Soft Skill ยิ่งมาอยู่ใน Pilot team การเป็นเซลถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญของทีมที่เราต้องนำอินไซต์หรือข้อมูลที่ได้จากลูกค้ามาประสานกับคนในทีมไม่ใช่แค่ขายของทำยอด
เฟิร์น — แล้วเราชอบอะไรในทีมที่สุด
พลอย — สิ่งที่พลอยชอบในทีมคือความเฮฮา ตลก สนุกสนาน พอเวลาเครียดๆได้คุยกันก็ผ่อนคลายมากขึ้น คนในทีมคือเหตุผลที่ทำให้ทุกคนมีแรงใจในการทำงาน พลอยมีความสุขกับทุกวันในโกลบิช เพราะสภาพแวดล้อมที่นี่ดีมาก ทั้งคนที่ทำงานด้วย เวลาเริ่มทำงานบ่าย หรือเรื่องวันลาที่ตกลงได้กับหัวหน้าฝ่าย พลอยเลยรู้สึกว่าที่นี่เป็นมากกว่าทำงานและพลอยมีความสุขกับทุกวันในการมาทำงาน
มาพบกับคนต่อไปกันเลย “เนิส” สาวน้อยจากคณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาไทย มหาวิทยาลัยศิลปากร กับตำแหน่ง “Educational Consultant”
เฟิร์น — แนะนำตัวเองหน่อยค่ะ
เนิส — สวัสดีค่ะ เราชื่อเนิร์ส เป็นเด็กจบใหม่จากเอกภาษาไทย ใช่แล้ว! ไม่ผิดค่ะ เนิสจบเอกภาษาไทย แต่หลายคนอาจจะสงสัย.. จบเอกไทยแล้วมาทำอะไรในสถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์? จริงๆแล้วเนิสเป็นคนชอบภาษาอังกฤษอยู่แล้ว เลยเลือกวิชาโทตอนเรียนเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ตอนเรียนเนิสว่ายากแล้ว หางานนี่ยากกว่าสิบเท่าค่ะ ตบตีกับตัวเองนานมากว่าจริงๆแล้วเราอยากจะทำอะไร แล้วก็บังเอิญมาเจอกับโกลบิช กำลังเปิดรับสมัครตำแหน่งนี้อยู่ ตอนแรกก็ไม่ได้อยากทำเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าลองดูสักครั้งละกัน
เฟิร์น — (หัวเราะ) ตบตีกับตัวเองเสร็จแล้วก็เลยมาทำโกลบิช.. แล้วเป็นยังไงบ้าง
เนิส — แล้วชีวิตการทำงานของเนิสก็ได้เริ่มต้นขึ้นค่ะ แท่นแท๊นนน.. เนิสทำหน้าที่เป็นคนวัดระดับภาษาใน Pilot Team สมาชิกในทีมคือรุ่นเดียวกันหมดเลย อายุเฉลี่ยไม่เกิน 25 ปี รู้สึกเหมือนได้มาเจอเพื่อนที่มหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่งเลย เนิสคิดว่าการทำงานกับคนที่มีอายุใกล้เคียงกันมีข้อดีก็คือ คุยกันง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือแม้แต่กระทั่งเรื่องไร้สาระต่างๆ เราสามารถแชร์ไอเดีย ความคิดเห็นต่างๆ ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์กับทีมของเราได้ง่ายกว่าการที่จะคุยกับคนที่มีอายุต่างกันมากๆ
เฟิร์น — นอกจากคุยกันง่าย มีอะไรที่ชอบอีกมั้ย
เนิส — ก็ดีใจนะที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้ เพราะทีมไฟแรงกันทุกคน ทุกคนในทีมเป็นทั้งเพื่อนชีวิตและเพื่อนร่วมงานที่ดี วัฒนธรรมของพวกเราในทีมคืออยู่กันอย่างแฮปปี้ ให้โอกาส คอยสนับสนุนและให้กำลังใจกัน เวลาทำงานก็ทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนเวลาไร้สาระ พวกเราก็พร้อมที่จะไร้สาระไปด้วยกัน เนิสมองว่าถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีแล้ว ทุกๆอย่างที่ตามมาก็จะดีตามไปด้วย เพราะจริงๆแล้วเราเป็นคนขี้เกียจ แต่ที่นี่ทำให้เราตื่นขึ้นมาแล้วอยากมาทำงานทุกวัน มาเจอเพื่อนๆ มาทำงาน แล้วที่สำคัญคือพอสุขภาพจิตเราดี ผลงานก็จะดีตามไปด้วยค่ะ
คนสุดท้าย “โฟร์”สำหรับเดือนคณะสุดหล่อจากวิทยาลัยสหวิทยาการ สาขาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กับตำแหน่ง “General Manager”
เฟิร์น — อะไรทำให้เด็กที่เรียนปรัชญากลายมาเป็นผู้จัดการทั่วไปได้
โฟร์ — (เงียบ..ยิ้ม) จริงๆตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าอยากทำอะไร เรียนจบสายสังคมมาแต่ก็รู้สึกว่าอยากลอง เลยมาทำโดยไม่ได้สนใจว่าตรงสายไหม เพราะเราเชื่อว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ถ้าเราพยายาม และก็รู้สึกคิดถูกมากที่เลือกที่นี่
เฟิร์น — ขนาดนั้นเลย ทำไมอะ
โฟร์ — การทำงานที่นี่ทำให้เราเรียนรู้อะไรหลายอย่าง ทำให้รู้นิสัยของตนเองมากขึ้น ฝึกความอดทน และการทำงานเป็นทีม ช่วงที่รู้สึกแย่ที่สุดก็คือ ตอนทำประสานงานกับลูกค้าองค์กร เพราะรู้สึกว่ามันมีหลายอย่างที่เราคาดไม่ถึงเกิดขึ้น เหมือนเรามีจุดหมายแต่ไม่รู้วิธีที่จะไป แต่ก็ผ่านมาได้เพราะความช่วยเหลือของเพื่อนๆและตัวเราเองที่โตขึ้น
เฟิร์น — เล่าความท้าทายในการทำงานให้ฟังหน่อย
โฟร์ — เราเป็นคนชอบทำงานคนเดียวและปฏิเสธการที่จะมีลูกทีมมาโดยตลอด จนถูกบังคับให้เรามีลูกทีม เรากังวลมาก กลัวดูแลลูกทีมไม่ดี กลัวจะทำทุกอย่างออกมาแย่
เฟิร์น — แล้วเราจัดการกับตัวเองยังไงบ้าง
โฟร์ — ก็พยายามคิดอีกแง่ มองให้มันเป็นโอกาสที่ดีของเราที่จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ
เฟิร์น — แล้วเรามีอะไรที่ชอบในทีมงาน
โฟร์ — เสน่ห์ของทีมนี้คือ “ตลก” “เป็นกันเอง” ไม่เคยรู้สึกว่าทุกวันคือวันทำงานเลย โฟร์มองว่าทุกวันคือวันที่เราไปเจอเพื่อนสนิทและทำงานด้วยกัน พวกเราเล่นกันหนักมาก แต่ก็ทำงานกันหนักมากเช่นกันครับ สิ่งที่ทำให้โฟร์ยังอยากอยู่ที่นี่คือผู้คน สภาพแวดล้อม และตัวโฟร์เอง ถึงโฟร์รู้ว่าวันหนึ่งโฟร์จะต้องไปจากที่นี่ แต่ไม่มีวันไหนเลยที่โฟร์ตื่นมาแล้วไม่อยากมาทำงาน ทุกวันทำงานคือวันที่โฟร์มีความสุข
เฟิร์น — จบได้หล่อมาก..มีอะไรอยากทิ้งท้ายมั้ย
โฟร์ — (นิ่งคิด..) ก็สำหรับน้องๆที่กำลังหาตนเองอยู่ พี่อยากบอกว่าโกลบิชคือที่ที่พิเศษ และเหมาะมากกับการมาเรียนรู้และพัฒนาตนเองมากครับ”
ก็จบกันไปแล้วนะคะกับการพูดคุยของ 3 หนุ่มคนละมุม และ 2 สาวแห่งทีมน้องใหม่ของโกลบิช คิดส์ เพราะฉะนั้นถ้าใครเป็นเด็กจบใหม่ ไฟแรง อยากท้าทายความสามารถของตัวเองพร้อมกับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร (ไม่มีมลพิษทางอารมณ์และสภาพจิตใจ) สนใจอยากร่วมทีมกับเรา ไม่ว่าจะเป็นโกลบิชหลัก หรือทีมโกลบิช คิดส์เองก็ตาม
ส่ง Resume ของตัวเองพร้อม ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรติดต่อกลับ ตำแหน่งงานที่สนใจ (คลิกที่นี่เพื่อดูตำแหน่งงานว่าง) พร้อมกับประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องมาทางอีกเมล hr.globish@gmail.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อฝ่ายบุคคล 099–287–2935
